April 16, 2014
เ
พนดูลั่มเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้งานอย่างพิศวงมาแต่ก่อนยุคปีระมิด เป็นเครื่องมือที่ใช้ค้นคว้าหาคำตอบจากพลังจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ในสมัยโบราณมีการใช้เพนดูลั่มที่ทำจากกระดูกและหินสี เป็นเครื่องมือหาแหล่งน้ำ (คล้ายๆการใช้ Dowsing Rods)และในยุคต่อมาก็ถูกใช้พยากรณ์เพศของเด็กในครรภ์มารดา เพศของสัตว์ก่อนตกลูก รวมทั้งเพศของลูกเจี๊ยบในเปลือกไข่ ในยุคปัจจุบันมีการใช้เพนดูลั่ม พยากรณ์การลงทุนในตลาดหุ้น เสริมการเล่นพนันประเภทต่างๆ ใช้ตรวจสอบสุขภาพและวัดรัศมีออร่าของมนุษย์ เพนดูลั่มมักถูกใช้ในการหาคำตอบประเภท YES or NO ซึ่งอาจเป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจเรื่องต่างๆในชีวิตประจำวันได้
ศาสตร์แห่งเพนดูลั่มจากตำราเล่มที่ 1 (เป็นตำราโบราณมากๆ) มารู้จักการเคลื่อนที่ของเพนดูลั่มกันก่อน
1. หมุนตามเข็มนาฬิกา
2. หมุนทวนเข็มนาฬิกา
3. เคลื่อนไปข้างหน้าและถอยหลัง
4. เคลื่อนจากซ้ายไปขวา
ตำราเล่มที่ 1 แนะนำการจับโซ่เพนดูลั่มโดยใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ข้อศอกวางพิงกับโต๊ะ ที่เท้าแขน หรือ เข่า เพื่อให้เกิดการเคลื่อนตัวของเพนดูลั่มอย่างอิสระ ผู้ใช้เพนดูลั่มต้องโปรแกมจิตของตนเองว่าจะให้การเคลื่อนตัวของเพนดูลั่มแบบใด เป็นคำตอบ YES หรือ NO เช่น
3. เคลื่อนไปข้างหน้าและถอยหลัง = YES (เป็นรูปแบบการพยักหน้า)
4. เคลื่อนจากซ้ายไปขวา = NO (เป็นรูปแบบการส่ายหน้า)
หากเพนดูลั่มเคลื่อนที่ผิดไปจากสองแบบข้างต้น เช่นไปในแนวเฉียงๆ อาจตีความได้ว่า ผู้ใช้เพนดูลั่มตั้งคำถามไม่ชัดเจน หรือยังไม่มีคำตอบที่เหมาะสมในขณะนี้ ดังนั้นการตั้งคำถามขณะใช้เพนดูลั่มต้องมีคำตอบว่า YES หรือ NO เท่านั้น ขณะใช้เพนดูลั่มให้ตั้งใจมั่นกับคำถามเท่านั้น อย่าคาดหวังให้เพนดูลั่มตอบอย่างที่ต้องการ เพราะอาจทำให้เพนดูลั่มเคลื่อนไปตามจิตสั่งโดยไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องรูปขนาดเล็ก
ศาสตร์แห่งเพนดูลั่มจากตำราเล่มที่ 2 ตำราเล่มนี้ได้แบ่งการฝึกฝนเป็นสองช่วง คือก่อนโปรแกรมจิต กับ หลังโปรแกรมจิต ก่อนโปรแกรมจิต ให้ฝึกเพนดูลั่มเคลื่อนตัวตามสั่ง โดยใช้แผ่นกระดาษขาวตีเส้นยาวห้านิ้ว แล้วนำเพนดูลั่มไปอยู่เหนือเส้น ใช้จิตสั่งให้เพนดูลั่มเคลื่อนตัวไปตามเส้นที่เรากำหนดไว้ อีกแบบหนึ่งคือวาดรูปวงกลมบนกระดาษขาว รัศมีสิบเซนติเมตร แล้วนำเพนดูลัมไปอยู่เหนือเส้น ใช้จิตสั่งให้เพนดูลั่มเคลื่อนตัวไปตามเส้นวงกลม ตามเข็มนาฬิกา และ ทวนเข็มนาฬิกา ทำไม่สำเร็จในครั้งแรกก็ไม่แปลก ค่อยๆฝึกฝนไป สลับกับการหยุดพัก เมื่อผ่านการฝึกฝนระดับก่อนโปรแกรมจิตแล้ว ต่อไปก็ให้เริ่มการโปรแกรมจิตกับคำตอบ เช่น เพนดูลั่มหมุนตามเข็มนาฬิกา = YESเพนดูลั่มหมุนทวนเข็มนาฬิกา = NO คำแนะนำทั่วไปของตำราเล่มนี้คือต้องตั้งคำถามให้ชัดเจน คำตอบคือ YES or NO เท่านั้น และไม่ควรฝึกฝนเพนดูลั่มในสถานที่มีกระแสไฟฟ้ารุนแรงเช่น ใกล้ทีวี เครื่องไมโครเวฟ สายเคเบิ้ล
ศาสตร์แห่งเพนดูลั่มจากตำราเล่มที่ 3 เล่มนี้มีแนวทางในการโปรแกรมจิตแตกต่างจากเล่มก่อนๆ กล่าวคือให้สังเกตการเคลื่อนตัวของเพนดูลั่มในแนวตั้ง แนวนอน และวงกลม ให้ถือเสมือนว่าเพนดูลั่มเป็นส่วนหนึ่งของตัวเราแล้วตั้งคำถามกับเพนดูลั่มอันนั้นว่า คำตอบ = NO จะแกว่งอย่างไรคำตอบ = YES จะแกว่งอย่างไรแล้วจดจำคำตอบของเพนดูลั่มอันนั้นไว้ (จดบันทึกการทดสอบไว้จะดีมาก) ตัวอย่าง จากการทดสอบแกว่งในแนวตั้ง = NO แกว่งในแนวนอน = YES แกว่งเป็นวงกลม = กลางๆ ตัวอย่างคำถามที่ดี ในการใช้เพนดูลั่มฉันจะได้งานทำจากการสอบสัมภาษน์เมื่อเช้านี้หรือไม่? ตัวอย่างคำถามที่ไม่เหมาะ ในการใช้เพนดูลั่มน้องสาวของฉันที่ตั้งครรภ์อยู่จะได้ลูกชายหรือลูกสาว? ... ที่ถูกต้องคือ น้องสาวของฉันจะได้ลูกชายหรือไม่ ?... คำแนะนำอื่นๆเพนดูลั่มที่ทำจากหินสี หรือ คริสตัล ควรนำไปชำระล้างก่อนการใช้งานทุกครั้ง ด้วยน้ำที่ไหลแรงๆ หรือน้ำเกลือสมุทร ประโยชน์ของ ลูกดิ่ง Pendulum มนุษย์ทั้งหลาย ทุกชาติ ศาสนา พยามอย่างยิ่งที่จะหาวีธีติดต่อกับอำนาจที่มองไม่เห็น เพื่อพยากรณ์เหตุการณ์ต่าง ๆ หลาย ๆ ความเชื่อ หลาย ๆ ลัทธิ ก็มีวิธีติดต่อไม่เหมือนกัน เช่น การเสี่ยงทอดเบี้ย, การปฏิบัติสมถะภาวนา (นั่งทางใน), การถามไพ่, การเข้าทรง เป็นต้น ในวิธีติดต่อสื่อสารต่าง ๆ นี้ การใช้ลูกดิ่งเพนดูลั่ม ก็เป็นหนึ่งในวิธีเหล่านั้น ลูกดิ่ง (Pendulum) เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างผู้ใช้ลูกดิ่ง กับ จิตสำนึก (ชาวพุทธเรียกว่า เทวดา) เพื่อพยากรณ์เหตุการณ์ต่าง ๆ ศาสตร์นี้มีขึ้นมามากกว่า 5 พันปีมาแล้ว มีใช้ทั้งในเขตสุวรรณภูมิ และ ตะวันตก ปัจจุบัน ศาสตร์เพนดูลั่มนี้ เป็นที่โด่งดังในเมืองไทย เมื่อท่าน อ.สุทธิวัสส์ คำภา นำความรู้นี้จากแพทย์ประจำตัว อดีตประธานาธิบดีเวเนซูเอล่า มาเผยแพร่ในเมืองไทย
ข้อดีของการใช้ลูกดิ่ง
1. ฝึกได้ง่าย ด้วยระดับสมาธิเพียงแค่ขณิกสมาธิ+อุปจารสมาธิเท่านั้น ถ้าเทียบกับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยวิธีอื่น เช่น การนั่งทางในถอดจิต (สมถะภาวนา) ซึ่งต้องใช้สมาธิถึงขั้นอัปปนาสมาธิ (ฌาน 4) เป็นการยากสำหรับคนทั่วไป และ ยังเสี่ยงต่ออาการจิตเพี้ยนกู่ไม่กลับ, หรือ หากเทียบกับไพ่ยิบซี ซึ่งต้องมีความรู้ ความจำมากกว่าวิชาลูกดิ่ง ด้วยข้อเด่นนี้ ทำให้ประชาชนทั่วไป ซึ่งขอให้เพียงแค่ไม่มีความผิดปกติทางสมอง (ปัญญาอ่อน) ก็สามารถฝึกลูกดิ่งให้ใช้งานได้ภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่นาที ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิความรู้ใด ๆ เพียงแต่มีศรัทธาที่จะฝึกเท่านั้น การใช้สมาธิเพียงเล็กน้อย เทียบเท่ากับการอ่านหนังสือ ทำให้ผู้ใช้เพนดูลั่ม ไม่ต้องกลัวว่าจิตจะหายไปไหนหรือกลัวถูกครอบงำโดยสิ่งอื่น
2. อายุเท่าไหร่ก็ฝึกได้ ตั้งแต่ 7 ขวบขึ้นไป จนถึง 70 ปี
3. สะดวก อุปกรณ์พกใส่กระเป๋าได้ สามารถใช้ลูกดิ่งได้ในพื้นที่แคบ ๆ ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะยืน นั่ง หรือ นอน หรือ อยู่ในที่ชุมชน ก็สามารถหยิบลูกดิ่งมาทำนายได้อย่างฉับไว (ใช้เวลา start up อุ่นเครื่องสมาธิ เพียงแค่ 10-15 วินาที)
4. เป็นศาสตร์ที่ทำนายแขนงใดก็ได้ ไม่ว่า สุขภาพ, ความรัก, การค้าขาย, การงาน, โชคชะตา, การเงิน, หาของที่หายไป, ทดสอบพระเครื่อง เป็นต้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ ดูได้ทั้ง เหตุการณ์ ในปัจจุบันที่อยู่ไกลมองไม่เห็น, อดีต, อนาคต, ชาติที่แล้ว (วิธีการใช้ ขอให้อ่านในหมวด “วิธีการฝึกลูกดิ่ง”)
5. ค่าใช้จ่ายน้อย การมีวิชาลูกดิ่งติดตัว หมายถึงการมีความสามารถพิเศษเหนือคนทั่วไป เสมือนมีเทวดาเป็นที่ปรึกษาในการดำเนินชีวิต สามารถช่วยเหลือตัวเอง และ ผู้อื่นให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งยังมีเสน่ห์ เป็นที่รักของคนรอบข้าง เป็นกุศโลบายให้เราได้เจริญพรหมวิหาร 4 เผื่อแผ่ให้กับคนอื่น ๆ ในสังคม
วิธีฝึกลูกดิ่ง
1. เช็คสภาพร่างกาย และ จิตใจว่า ขณะจะฝึกนั้น ไม่เพลียเกินไป เช่น หากทำงานหนักมาทั้งวัน มาฝึก ผลที่ได้จะพลาด บางครั้ง ลูกดิ่งไม่ทำงานเลย, ขณะที่ป่วย ลูกดิ่งก็จะทำงานพลาด ไม่ควรฝึก, อดนอน, หิวข้าวจัด .. กรณีเหล่านี้ ทำให้สมาธิไม่แน่วแน่ ไม่ควรฝึก
2. เมื่อเริ่มฝึก ให้ back to basic ก่อน คือ เริ่มต้นด้วย วิธีการถือลูกดิ่ง
ท่าที่ 1. ข้อศอกข้างขวา ควรวางยันไว้บนแท่น โต๊ะ หรือหมอนหรืออะไรก็ได้ที่ไม่เคลื่อน ไม่ควรปล่อยให้ศอกลอยจะทำให้ลูกดิ่งแกว่ง
ท่าที่ 2. ถ้ามีพื้นที่สะดวก ทาบข้อศอกไปถึงปลายแขนราบลงไปเลยได้ยิ่งดี เช่น วางท่อนแขนช่วงล่างทาบบนโต๊ะ แล้วทิ้งลูกดิ่งลงมาใต้โต๊ะ ท่านี้จะมั่นใจได้ว่ามือไม่สั่น
3. เช็คการสื่อสารระหว่างเรา กับลูกดิ่ง โดยไม่ต้องดิ่งที่มือ แล้วสื่อสารให้ลูกดิ่งแกว่งในทิศทางที่ต้องการ เช่น พูดในใจว่า “ขอให้ท่านแกว่งซ้ายไปขวา”, “ขอให้หยุดนิ่ง”, ขอให้แกว่งวงกลมวนขวา, ขอให้แกว่งวงกลมวนซ้าย, ขอให้แกว่งหน้าหลัง ลองทุกคำสั่ง ถ้าทำได้ แสดงว่าสมาธิใช้ได้ การสื่อสารเริ่มดีขึ้น
4. ดิ่งที่เนินพฤหัสฝ่ามือซ้าย (เป็นเนินระหว่างโคนนิ้วชี้กับเส้นแบ่งกึ่งกลางฝ่ามือ) ถามคำถาม basic ที่เรารู้คำตอบอยู่แล้ว โดยก่อนถาม ต้องทำใจให้เป็นกลาง ไม่ใช่จิตบังคับให้ลูกดิ่งแกว่ง หรือ นิ่ง ห้ามบังคับ ! เช่น ถามว่า “ฉันเป็นผู้ชายใช่ไหม” ถามแล้ว ใจก็ปล่อยเฉย ๆ ดูเองว่าลูกดิ่งจะแกว่งหรือไม่ ไม่ใช่ใจไปบังคับว่า “แกว่งซี แกว่งหน่อยดิ” หรือ “อย่าแกว่งนะ” นั่นคือการใช้จิตบังคับ ซึ่งผิด ลูกดิ่งจะสับสน และ จะให้ผลที่ผิด 5. วิธีถามเช็ค เมื่อไม่แน่ใจว่า เมื่อกี๊มือเราสั่นไปเอง หรือ ลูกดิ่งแกว่ง ให้ถามคำถามเดิม แต่เปลี่ยนเป็นประโยคปฏิเสธ เช่น •ครั้งแรกถามว่า “ฉันเป็นผู้ชาย ใช่หรือไม่” ลูกดิ่งแกว่ง แต่เราไม่แน่ใจว่า มือเราสั่นไปเอง หรือ ลมพัด เราจึงต้องการเช็คใหม่ •ให้ถามกลับอีกทีว่า “ฉันไม่ใช่ผู้ชาย (หรือ ฉันเป็นผู้หญิง) ใช่หรือไม่” หากลูกดิ่งนิ่ง แสดงว่า คำตอบทั้งสองครั้ง เป็นคำตอบที่ถูกต้อง /หากลูกดิ่งแกว่งอีก แสดงว่า คำตอบที่ได้ทั้งสองข้อ ยังเชื่อถือไม่ได้ ให้เริ่มต้นถามใหม่ 6.เมื่อมั่นใจว่า คำตอบเริ่มถูก เป็นส่วนใหญ่ ให้เริ่มถามถึงประวัติของเทวดา เช่น •ท่านเป็นเทวดาชั้นไหน (จาตุมหาราชิกา, ดาวดึงส์,ยามา,ดุสิต,นิมมานรดี,ปรนิมิตสวัสดี)•เคยเกี่ยวเนื่องเป็นอะไรกับข้าพเจ้า เมื่อชาติสุดท้าย เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า พี่ น้อง ? •ต้องการให้เรียกท่านว่าอะไร ? ท่านแม่ ท่านปู่ น้อง พี่ น้า อา ? •ต้องการให้บูชาท่านด้วยอะไร ? น้ำเปล่า, ปะแป้ง, จุดธูป, ใส่บาตร/ ให้บูชาบ่อยขนาดไหน ? ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ? เมื่อฝึกได้จนมั่นใจแล้ว ก็ค่อยถามคำถามอื่น ๆ โดยขอให้เข้าใจเรื่องความแม่นดังนี้
1. เรื่องอดีต จะมีความแม่นยำน้อยกว่าเรื่องปัจจุบัน เช่น
1.1 เราถามว่า ปัจจุบันเรามีพยาธิเส้นด้ายใช่หรือไม่ ลูกดิ่งตอบว่า ใช่
1.2 เราถามต่อว่า พยาธิเส้นด้ายนี้ ติดมาตั้งแต่ 4 วันที่แล้ว ใช่หรือไม่ ลูกดิ่งตอบว่า ใช่ กรณีนี้ ให้เข้าใจว่า ข้อ
1.2 คือเหตุการณ์ในอดีต จะมีความแม่นยำน้อยกว่า ข้อ 1.1 ยิ่งอดีตที่ผ่านมานาน ยิ่งพลาดได้มากกว่า
2. เรื่องอนาคต จะยิ่งแม่นยำ น้อยกว่าเรื่องในอดีตเสียอีก เพราะ อนาคตคือเรื่องที่ยังไม่เกิด เทวดาต้องใช้ความสามารถในการเดาบ้าง หรือ หากเป็นเรื่องที่กฎแห่งกรรมบีบบังคับ ก็ไม่สามารถรู้ได้
3. เรื่องที่ไกลตัว จะมีความแม่นยำน้อยกว่าเรื่องใกล้ตัว เช่น ถามเรื่องเหตุการณ์ใน USA จะแม่นน้อยกว่าถามเรื่องเหตุการณ์ในประเทศไทย, ถามเรื่องคนที่ใกล้ชิดเรา โดยเขาไม่ได้อยู่ด้วย (ใช้นึกหน้าเอา) จะแม่นยำกว่า ถามเรื่องคนไกลตัว และ ไม่ได้อยู่ด้วย
4. เรื่องที่กฎแห่งกรรมกำหนดว่า ไม่ควรรู้ ก็จะไม่รู้ แม้กระทั่งเรื่องของตัวเอง เช่น ถามว่า วันนี้หากขับรถไปเส้นทางนี้ จะไม่เกิดอุบัติเหตุ ใช่หรือไม่ หากไม่มีอกุศลกรรมสนอง ลูกดิ่งจะตอบได้ตรง แต่หากกำลังมีอกุศลกรรมบีบให้เราเกิดอุบัติเหตุ ลูกดิ่งจะตอบพลาด หรือ ลูกดิ่งไม่ทำงาน
5. รายละเอียดที่ละเอียดมาก ๆ หรือ หลักฐานที่ไม่เด่นชัด ความแม่นยำก็จะน้อย เช่น มีอาการเพลียมาได้ครึ่งวันแล้ว เช็คลูกดิ่งว่ามีพยาธิใช่หรือไม่ ตอบว่า ไม่มี ต่อมาอีก 24 ชม. อาการหนักขึ้น เช็คลูกดิ่งอีกที ปรากฏว่า ตอบว่า มีพยาธิ นั่นแสดงว่า ขณะที่เช็คครั้งแรก จำนวนพยาธิที่ฟักเป็นตัว ยังไม่มากพอที่ลูกดิ่งจะตรวจพบ
6. ในขณะที่เราอ่อนเพลีย ความแม่นยำจะลดลง
7. ความแม่นยำของลูกดิ่งแต่ละท่านนั้น ไม่เท่ากัน
8. คำถามที่ไม่ชัดเจน หรือ คำถามที่กว้าง ต้องอาศัยการตีความเอง ก็ได้คำตอบที่พลาด เช่น ถามว่า “เขารักฉันมากใช่มั้ย” ... งง ตกลงคำว่า “มาก” นี่ มันวัดกันที่กี่กิโลกรัม ทั้ง 8 ข้อนี้ เป็นแค่ค่าเฉลี่ยโดยรวม ไม่ได้หมายความว่า จะต้องไม่แม่นยำแบบนี้ ทุกครั้ง ทุกคน เพราะ ได้รู้มาว่า คนที่ใช้ลูกดิ่งจนสามารถบอกเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำนั้น ก็มีจริง และอ.สุทธิวัสส์เอง ก็ใช้ลูกดิ่งได้ไม่มีข้อจำกัดทั้ง 8 ข้อ ฉะนั้น อย่าให้ 8 ข้อนี้ ทำให้เราท้อใจ เล่าให้ฟังเพื่อให้ผู้ฝึกใหม่รู้ว่า หากเกิด 8 ข้อนี้ ก็ไม่ต้องตกใจ เป็นปกติ ค่อยพัฒนาไป
ลูกดิ่งทดสอบเรา !!!! สำคัญมาก สำหรับที่ผู้ทีฝึกใหม่ ๆ สำหรับผู้ที่ฝึกใหม่ ท่านจะเจอช่วงทดสอบใจ หลังจากฝึกลูกดิ่งได้ซักพัก เริ่มคุ้นเคย สื่อสารได้ดี ทำนายแม่น จู่ ๆ มาวันนึง ลูกดิ่งก็ไม่ทำงาน ถามอะไรก็ไม่ตอบ หรือ แกล้งตอบพลาดในหัวข้อง่าย ๆ ทำให้เราหงุดหงิด ยิ่งหงุดหงิด ยิ่งพลาด ยิ่งไม่ทำงาน หลาย ๆ คน เจอช่วงนี้แล้วท้อ จึงเลิกใช้ลูกดิ่ง เก็บขึ้นหิ้งเรียบร้อย ไม่แตะต้องอีกเลย เพราะงอน ถ้าท่านเจออาการนี้ ให้งดใช้ลูกดิ่งชั่วคราว แล้วฝึกประจุพลังเรื่อย ๆ สักวันสองวัน กลับมาใช้ใหม่ ถ้ายังไม่ได้ ก็พักให้นานขึ้นเป็น 3-4 วัน ประจุพลังต่อไปเรื่อย ๆ แล้วกลับมาใช้ใหม่ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ อย่าท้อ อย่าเร่งรัดจนเครียด จนลูกดิ่งรู้แน่ว่าท่านตื๊อ เอาจริง ลูกดิ่งก็จะกลับมาทำงานเหมือนเดิม อาการเหล่านี้ หลาย ๆท่าน ล้วนเคยผ่านมาแล้วทั้งนั้น ถ้าท่านผ่านช่วงนี้ไปได้ ท่านก็สามารถใช้ลูกดิ่งได้ตลอดไป
หน้าที่เข้าชม | 27,247 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 22,406 ครั้ง |
เปิดร้าน | 25 ก.ค. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |